ล้านคนประสบความสำเร็จจากภาษาอังกฤษ หนึ่งในนั้นเป็นคุณได้ไหม

คุณคิดว่าภาษาอังกฤษของคุณไม่ดีพอที่จะทำให้คุณเอาตัวรอดในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษใช่ไหม

บางคนอาจตอบว่า “ไม่แน่นอน ลองส่งฉันไปนิวยอร์ก ลอนดอน หรือซิดนีย์สิ ไกลแค่ไหนก็ได้ สบายๆเลย ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร” ถ้าเป็นเช่นนั้นก็นับว่าคุณเก่งมาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะพูดแบบนี้ได้อย่างมั่นใจจริงไหม




เรื่องที่ฉันจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้เป็นเรื่องของคนที่คุณจะต้องรู้จักอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าถ้าคนเรามีความมานะอุตสาหะในการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วก็ย่อมจะประสบความสำเร็จเหมือนกับที่บางคนพูดว่า แม้แต่ “คนเหล็ก” ยังเอาชนะอุปสรรคทางด้านภาษาได้แล้วทำไมคุณจะทำเช่นนั้นบ้างไม่ได้ คุณคงเดาถูกแล้วว่าเป็นเรื่องราวของใคร ใช่แล้วค่ะ เขาคืออาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ นักแสดงฮอลลีวู้ดผู้โด่งดังและอดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียนั่นเอง

ตอนที่อาร์โนลด์ตัดสินใจย้ายไปอเมริกานั้นเขารู้ภาษาอังกฤษเพียงน้อยนิด ในตอนนั้นเขาจึงลงเรียนภาษาอังกฤษทุกรูปแบบ ทั้งการพูด การเขียน หรือแม้กระทั่งเรียนการออกเสียงไม่ให้ติดสำเนียงภาษาดั้งเดิม คลาสเรียนภาษาอังกฤษต่างๆเหล่านี้นี่เองที่เป็นส่วนช่วยให้เขาค่อยๆซึมซับและคุ้นชินกับภาษาอังกฤษ

แน่นอนว่าเรื่องนี้จบลงอย่างสวยงามจากความอดทนและมุ่งมั่นที่ส่งผลให้อาร์โนลด์กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

อ่านต่อ : อยากว่ายน้ำเป็น ต้องกล้าโดดลงน้ำ

ตอนอายุ 10 ขวบอาร์โนลด์เป็นเด็กไม่เหมือนใครที่ช่างฝันว่าอยากเป็นโน่นเป็นนี่ เขาอยากไปอเมริกาและในตอนนั้นเขาก็คิดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเขาจะหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักเพาะกาย เมื่ออายุ 15 ปีเขาก็เริ่มฝึกเพาะกายและได้ครองตำแหน่งมิสเตอร์ยูนิเวอร์สเมื่ออายุ 19 ปี จากนั้นเขาที่แทบไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยแต่มีเพียงหัวใจที่มุ่งมั่นก็ได้เดินทางไปอเมริกาในวัย 21 ปี

ในช่วงแรกที่มาถึงสหรัฐฯเขาก็ยังลงแข่งเพาะกายต่อไป เขาชนะอีกหลายรายการรวมถึงการครองตำแหน่งมิสเตอร์โอลิมเปียถึง ๗ สมัย ระหว่างนั้นเขาก็พยายามอย่างหนักในการเรียนภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วย

กระนั้นก็ตามความฝันของเขาคือการเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดซึ่งกลายเป็นจริงเมื่อเขาได้แสดงหนังเรื่องเฮอร์คิวลิสตะลุยนิวยอร์ก (Hercules in New York) แต่ตลอดช่วงสิบปีถัดมา อาชีพนักแสดงของเขาก็ไม่ราบรื่นนักเนื่องจากคนในวงการตำหนิว่าสำเนียงภาษาอังกฤษของเขานั้นตลกจนต้องใช้เสียงพากย์ทับตลอดเวลาที่เขาพูดบท แต่ในที่สุดเขาก็เริ่มโด่งดังจากการเล่นหนังทำเงินเรื่องโคแนน นักรบเถื่อน (Conan the Barbarian) ในปี 1982 เนื่องจากผู้ชมมองจุดด้อยของเขาเป็นจุดเด่น จากนั้นเขาจึงได้แสดงหนังอีกกว่า 30 เรื่อง

ในปี 2003 ชายผู้ไม่ธรรมดานี้ได้ตัดสินใจลงเล่นการเมือง เขาสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ชนะเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งสองสมัยระหว่างปี 2003 ถึง 2011  หลังจากยุติบทบาททางการเมืองเขาก็หวนกลับไปยังฮอลลีวู้ดและได้นำแสดงในหนังทำเงินอีกสองสามเรื่อง

คำถามก็คือ “อะไรทำให้เขาประสบความสำเร็จถึงเพียงนั้น” เราลองมาแจกแจงรายละเอียดกันนะคะ

1. ความมานะมุ่งมั่น

อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์คงไม่ประสบความสำเร็จถ้าเขาไม่มีความมานะอดทน ในจดหมายถึงผู้อพยพมายังสหรัฐฯ เขาเขียนไว้ว่า
“ด้วยความพยายามและความมุ่งมั่น และเพราะคนอเมริกันต่างก็ใจกว้างและเต็มใจต้อนรับ ทำให้ผมประสบความสำเร็จเกินกว่าที่เคยคิดฝันไว้เสียอีก”
เขารู้ว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จในการเพาะกายก็จะต้องออกกำลังอย่างหนักเพื่อค่อยๆเปลี่ยนแปลงร่างกายดังคำพูดที่ว่า ถ้าไม่ยอมลำบากก็ไม่มีวันได้มา เขาเข้าใจถึงคำกล่าวนี้เป็นอย่างดีเนื่องจากเขาทราบว่าถ้าปราศจากความมานะอดทนก็ไม่มีวันที่จะชนะในการแข่งขันเพาะกายได้ เขาไม่ยอมให้ใครมาบั่นทอนกำลังใจแม้ยามที่หลายคนขบขันกับสำเนียงของเขา แต่เขากลับมุมานะฝึกฝนออกเสียงและเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขายอมรับอย่างเปิดเผยว่าเขาประสบกับความยากลำบากเมื่อเหยียบแผ่นดินอเมริกาใหม่ๆแต่อุปสรรคต่างๆนั้นไม่เคยหยุดยั้งเขาได้ “ความเข้มแข็งไม่ได้เกิดจากการได้รับชัยชนะ แต่ความลำบากต่างหากที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับคุณ” นี่คือคำกล่าวของอาร์โนลด์      ชวาร์เซเน็กเกอร์
นอกจากนี้เขายังพยายามเสาะหาคนที่จะพาเขาไปสู่ความสำเร็จ หากเขายอมแพ้ต่อความยากลำบากเสียตั้งแต่ต้น เขาคงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เห็น

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงาน

2. มีเป้าหมาย

อาร์โนลด์มีเป้าหมายชัดเจนมาตั้งแต่เด็กว่าเขาอยากทำอะไร นั่นคือเขาอยากไปอเมริกา เขารู้ว่าเขาอยากประสบความสำเร็จและใช้ชีวิตตามแบบ “ความฝันอเมริกัน” เขาเขียนไว้ในจดหมายถึงผู้อพยพตอนหนึ่งว่า “ผมรู้ว่าถ้าอยากเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดผมจะต้องไปเรียนภาษาอังกฤษ ทั้งการพูด การออกเสียงโดยไม่ให้ติดสำเนียงภาษาเดิม และทุกสิ่งทุกอย่างที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผมประสบความสำเร็จ” การมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะเรียนภาษาอังกฤษไปเพื่ออะไรช่วยผลักดันให้เขามีแรงกระตุ้นมากพอที่จะมุ่งมั่นไปให้ถึงเป้าหมาย

3. ซึมซับในภาษาและวัฒนธรรม

อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์รู้ว่าถ้าเขาอยากเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ดี เขาจะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาเรียนภาษาอังกฤษเพื่อที่จะได้อ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนในหัวข้ออื่นๆที่จะทำให้เขาได้เรียนรู้วัฒนธรรมอเมริกันได้มากที่สุด นอกจากนี้เขายังหาโอกาสฝึกภาษาอยู่ตลอดเวลาโดยเขาจะคลุกคลีกับคนที่พูดอังกฤษเท่านั้น
เขาเขียนในอัตชีวประวัติ Total Recall ของเขาว่า “ผมตั้งกฎไว้ว่าจะเดทกับสาวอเมริกันเท่านั้นและจะไม่ไปเที่ยวกับสาวๆที่รู้ภาษาเยอรมัน”เช่น เวลาพบสาวๆในบาร์ เขาจะมีความคิดอยู่ในหัวเสมอว่า “คุณเป็นคนอเมริกันใช่ไหม คืนนี้เราคงได้ร่วมสนุกกัน” “ไม่ใช่หรือ ถ้าแบบนั้นไม่เป็นไรครับ”

แล้วคุณพร้อมจะเป็นผู้ว่าการรัฐคนต่อไปหรือยังคะ ล้อเล่นค่ะเพราะเราไม่ได้มีเวทมนตร์เสกให้เป็นเช่นนั้นได้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นดาราหนังหรือผู้ว่าก็สามารถมีแรงจูงใจในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ เพียงเป็นคนไทยธรรมดาๆก็ควรต้องเรียนภาษาอังกฤษเช่นกัน เชื่อสิคะ ในยุคแห่งการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่สำหรับประเทศไทยส่งผลให้เกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) และข้อตกลงทางเศรษฐกิจอื่นๆในลักษณะเดียวกันที่จะตามมาอีกมากมาย ดังนั้นคุณจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเอง เพื่อตอบโจทย์นี้ กลุ่ม Topica Edtech ซึ่งเป็นผู้นำในการให้บริการการศึกษาออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้นำเสนอหลักสูตรในการเรียนภาษาอังกฤษโดยตรงผ่านโน้ตบุ๊กและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร เราเป็นผู้บุกเบิกในการนำแอพพลิเคชั่น Google Glass มาใช้เพื่อให้ผู้เรียนฝึกฝนการสนทนาภาษาอังกฤษได้ด้วยตนเอง

ด้วยทีมอาจารย์ผู้สอนชาวต่างชาติกว่า 600 ท่านจากยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา เรารับประกันว่าคุณจะได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดผ่านวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ที่เรียกว่า P.I.E.L.P แทนวิธี L.I.P.E. ซึ่งเป็นวิธีการเรียนแบบเก่า

วิธีการเรียนดั้งเดิมแบบ L.I.P.E. จะเริ่มจากการเรียนทฤษฎี (Lecture) ก่อน จากนั้นผู้เรียนจะสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมชั้น (Interactive) แล้วฝึกฝนกับอาจารย์ (Practice) และสุดท้ายก็ทำแบบทดสอบ (Exam) แต่การเรียนแบบใหม่ด้วยวิธี P.I.E.L.P จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกจากความรู้เดิมที่มีอยู่ก่อน (Practice) จากนั้นจะให้เวลาผู้เรียนได้สนทนากับผู้เรียนคนอื่นๆและผู้สอน (Interactive) แล้วจึงให้ทดสอบเพื่อประเมินว่าผู้เรียนมีความรู้ในระดับใด (Exam) จากนั้นอาจารย์จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาของผู้เรียนและเตรียมเนื้อหาการสอนให้เหมาะสม (Lecture) และสุดท้ายผู้เรียนจะได้รับโอกาสให้ฝึกฝนกับอาจารย์ต่างชาติอีกครั้งหนึ่ง (Practice)

วิธีการเรียนนี้ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสฝึกฝนมากขึ้นและสามารถนำความรู้มาใช้ประโยชน์ทั้งในการสอบและในสถานการณ์จริงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ซึ่งทำให้การเรียนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

อาจารย์ที่พิถีพิถันของเราจะช่วยแก้ไขการออกเสียงที่ไม่ถูกต้องและยังช่วยฝึกสำเนียงให้คุณพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย นอกจากนี้เรายังจัดห้องเรียนให้คุณเลือกถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน หากลงทะเบียนเรียนในคอร์ส “Buffet English” ก็จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างไม่จำกัดจนถึงเวลาเที่ยงคืน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดหรือเรื่องเสียเวลาอีกต่อไป เพราะ Topica Native ช่วยให้คุณได้สัมผัสการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ด้วยวิธีการที่ดีที่สุดซึ่งได้รับการแนะนำจากมหาวิทยาลัย ฮาวาร์ด (Harvard University)


สงสัยอะไรเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ คอมเม้นท์ถามมาที่ด้านล่างนี้ได้เลยจ้า ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ เราแนะนำ คอร์สสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ แบบบุฟเฟต์ ที่ไม่เหมือนใคร จาก Topica Native!!!

Why us?
► เรียนออนไลน์ ฝึกภาษาอังกฤษได้ทุกที่ทุกเวลา กับเจ้าของภาษา โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
► สามารถเลือกเวลาเรียนตาม วันและเวลาที่สะดวก ได้สูงสุดถึง 16 ชม./วัน
► มีที่ปรึกษาส่วนตัวที่คอยช่วยเหลือ และวางแผนการเรียนส่วนตัวที่เหมาะสม

Who are we?
► TOPICA Native คือ สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ ที่มีคุณภาพสูง ด้วยราคาที่เหมาะสม ซึ่งมุ่งเน้นฝึกทักษะการพูดสำหรับวัยทำงาน
► หากสงสัยว่า โปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์รูปแบบใหม่กับ TOPICA Native นั้นเหมาะกับคุณหรือไม่?

ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: english-online.topicanative.co.th

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.